Archive for the ‘my Bread’ Category

ขนมปังกระเทียมชีสสสสส



Garlic Bread with Cheese … ขนมปังกระเทียมชีสสสสส

เมนูพื้นๆที่ทำเมื่อไหร่ก็หมดจานทุกทีค่ะ ได้เนยกระเทียมมาครึ่งกระปุก ตอนแรกก็หวั่นๆว่าเมื่อไหร่จะหมด เนื่องจากเป็นคนไม่ชอบทานเนย อบไปๆ อบมาๆ เนยหมดกระปุกไปอย่างง่ายดาย ^^ ความอยากไม่เข้าใครออกใครค่ะ ประกอบกับวิธีทำที่ไม่ยุ่งยาก (ถ้าไม่นับกลิ่นกระเทียมที่ติดทนนานนะคะ) ทำเนยกระเทียมติดตู้เย็นไว้ ไม่เสียหายค่ะ

เนยกระปุกนี้ประกอบด้วย
– เนยเค็ม 1 ก้อน (อลาวรี่หอมกว่าออร์คิดจริงๆด้วยค่ะ)
– กระเทียมกลีบโต ประมาณ 150 กรัม (ชั่งตอนยังไม่ได้แกะเปลือกค่ะ)
– พลาสเล่ย์สับ 1 ช่อ (พอให้สีสวยงาม)

ไม่ได้ถ่ายขั้นตอนการทำมา เพราะมันง่ายเหลือเกิน ปั่นกระเทียม ปั่นพลาสเล่ย์ แล้วก็เอามาคนกับเนย แค่นั้นเองค่ะ (อ้อ เวลาปั่นกระเทียม อย่าปั่นจนละเอียดเป็นน้ำนะคะ มันจะเผ็ดแปลกๆ เอาแบบละเอียด แต่ไม่ช้ำเกิน) ใส่กระปุกแช่ติดตู้เย็นไว้ค่ะ :")

เลือกใช้ขนมปังที่มีเปลือกกรอบ และเนื้อเหนียวๆค่ะ รู้สึกว่าเข้ากันมากกว่าขนมปังนิ่มๆ

ใส่ชีสด้วยนี่ยิ่งเข้ากันใหญ่ หลานๆชอบมากค่ะ … อบด้วยไฟประมาณ 170c ซัก 5 นาทีกว่าๆ (ต้องลองทำดูค่ะ จะได้รู้ว่าชอบเกรียมขนาดไหน)



นับเป็นเมนูฉุกเฉินที่ดีจริงๆ เวลาหลานๆโผล่มาจ๊ะเอ๋ที่บ้าน เจอไม้นี้เข้าไป เงียบกริบค่ะ ^^

แยมสตรอเบอรี่รสมะนาว

แยมสตรอเบอรรี่รสมะนาว … หวานซ่อนเปรี้ยว … เปรี้ยวปี๊ด …

วันนี้ขอลองทำแยมดูซะหน่อย หลังจากซื้อสตรอเบอรี่มาฟรีซไว้นานมากแล้ว พอดีได้วิธีทำมาจากคุณเพื่อนค่ะ กะว่าเอาไว้กินกะหนมปังเพลินๆ เนอะ


เริ่มต้นด้วยการนำสตรอเบอรรี่ใส่หม้อค่ะ หม้อตูดหนาย่อมดีก่าหม้อตูดบางนะคะ ^^ แล้วก็ซอยเปลือกมะนาวให้ละเอียดค่ะ


เติมผิวมะนาวที่ซอยแล้ว พร้อมกับน้ำมะนาวใส้หม้อ ตั้งไฟอ่อนๆๆๆ … (ใส่น้ำมะนาวไปทั้งลูกเลย เปรี้ยวสะใจมาก)


ต้มไปสักพัก … อะ ลืมใส่น้ำตาล เติมลงไปตอนนี้คงได้มั้ง เติมน้ำตาลไปประมาณ 150 กรัมค่ะ (อันนี้เติมไปชิมไปก็ได้มั้งเนอะ ก็กะเอาที่ชอบๆ^^) … ต้มไปตักฟองทิ้งไปค่ะ


จะเหลือน้ำสตรอเบอรรี่ล้วนๆประมาณนี้ เราก็เคี่ยวไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ คนบ้างเล็กน้อย เคี่ยวจนน้ำเหือดแห้งไปพอสมควร ก็ปิดไฟแล้วทิ้งไว้ให้เย็น

กลับมาดูอีกที น่าะเรียกว่าสตรอเบอรรี่กวนมากกว่า ข้นมาก กะไม่ถูก T_T
  … แม่บอกว่าปาดขนมปังแบนแน่ๆ >_<"

เอาแล้วเนอะ แยมก้อนแรก รสชาติถูกใจ เดี๋ยวทำคราวหน้าจะปิดไฟเร็วกว่านี้หน่อย อิอิ :")

Honey Oat & Prune Bread



Honey Oat & Prune Bread :: ขนมปังลูกพรุน
(เหตุเกิดจากงานแต่งงานเพื่อนและของฝากในตู้เย็น)

อาทิตย์ที่แล้วไปงานหมั้นเพื่อนมา
ได้น้ำผึ้งมาเป็นของชำร่วยค่ะ
ขวดเล็กกำลังดี น้ำหนักชั่งเมื่อวาน 70 กรัมพอดิบพอดี
จะวางโชว์ไว้ทำไมให้เสียของ 555
พลิกตำราดูสิ เอาไปทำอะไรดี
พลิกไปพลิกมาเจอขนมปังอินทผาลัมน่าอร่อย
อ๊ะ เราไม่มี แต่มีลูกพรน (เดาเอาเองว่าคล้ายๆกัน^^)
… ได้แล้วค่ะ วัตถุดิบหลัก 2 อย่าง
ที่เหลือ … ได้เวลาทำการทดลองอีกแล้ว


สมมติสูตรวันนี้ ประกอบด้วย
แป้งไรน์ 60 กรัม
แป้งโฮลวีท 100 กรัม

แป้งขนมปัง 140 กรัม
ข้าวโอ๊ต 1/2 ถ้วย
งาดำ พอประมาณ
น้ำผึ้ง 70 กรัม
ลูกพรุน 180 กรัม (เยอะไปหน่อยค่ะ)
ยีสต์ 2 1/2 ช้อนชา
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
น้ำมันมะกอก 1/3 ถ้วย


เตรียมของเสร็จแล้ว เอาลูกพรุนมาสับค่ะ


ส่วนของแป้งทั้ง 3 ชนิด ผสมยีสต์เข้าไปด้วยเลยค่ะ
เติมงาดำบดใหม่ๆ แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน


เติมน้ำผึ้ง น้ำมันมะกอกลงไป


แล้วเติมน้ำค่ะ จากนั้นก็คนๆให้พอเข้ากัน



เติมข้าวโอ๊ต แล้วเริ่มนวดแป้งค่ะ
(ใส่ถุงมือนวดแป้ง นวดง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ
ไม่ติดหนุบหนับๆ เหมือนเคย แล้วแต่ถนัดค่ะ)


พอเรานวดแป้งไปได้สักพัก ก็เติมลูกพรุนเข้าไปนวดต่อ
นวดสักพักใหญ่ๆเลยนะคะ นวดจนลูกพรุนแทรกเข้าไปในเนื้อแป้ง
ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีได้ค่ะ (นวดมือ)


ได้ที่แล้ว ปั้นเป็นก้อน แล้วเอาน้ำมันมะกอกทาไว้ค่ะ
คลุมด้วยพลาสติกพรมน้ำ
ทิ้งไว้ประมาณ 1 ถึง 1 ชมครึ่ง ให้แป้งขึ้นเป็น 2 เท่า


วันนี้แป้งขึ้นน้อยไปหน่อย สงสัยจะหนักลูกพรุน ฮ่าๆๆ
นวดไล่ลมแล้วขึ้นรูปทิ้งไว้ในโลฟอีกชั่วโมงกว่าๆค่ะ


ใกล้ๆครบเวลา เราก็วอร์มเตาอบเลยค่ะ ใช้ไฟบน-ล่าง 200 – 220 C อบนาน 25-30 นาทีค่ะ
(ต๊อบตั้งไฟผิดอย่างที่เห็นในรูป วันนี้เลยต้องเพิ่มเวลาอบอีกหน่อย)

แต่ก็ได้ขนมปังลูกพรุนหนักเครื่องมากินที่ทำงานตอนเช้าค่ะ
กินคู่กับน้ำเต้าหู้ เวฟก่อนสัก 30 นาทีค่ะ
น้ำผึ้งหวานๆ กับลูกพรุนเปรี้ยวๆ เข้ากันดีค่ะ

ลองทำทานดูนะคะ ใส่ลูกพรุนแค่ 80-100 กรัมพอค่ะ

ใส่เยอะแบบนี้ ขนมปังหนักไปหน่อย

ขนมปังขาไก่ (ดำ)





คำเดียวสั้นๆ"ไหม้"ค่ะ
(เก็บไว้เตือนใจ อย่าได้ใส่ไปเต็มตู้อีกเชียวนะ!)

ขนมปัง Whole Grains (V.3) :: ขนมปังมะเขือเทศ

ขนมปัง Whole Grains … สูตรที่ 3 … สูตรนี้ใส่มะเขือเทศไปด้วยค่ะ

พอดีเดินเจอ "มะเขือเทศราชินีแห้ง" ขายอยู่แถวผลไม้แห้งที่ใช้ทำขนมที่ฟู็ดแลนด์ค่ะ รู้สึกว่าจะเป็นตัวที่ราคาถูกที่สุดเลยนะ ตัวอื่นเป็นบลูเบอรี่ ราสเบอรี่ไรพวกนี้ค่ะ ไม่ไหวๆ ซื้อไม่ไหว (จะใส่ลูกเกด ก็ไม่ชอบทาน) ซื้อกลับมาก็มานั่งนึกว่าจะเอามาทำอะไรดี สุดท้ามาลงตัวที่ขนมปังค่ะ รสชาติคล้ายๆขนมปังลูกเกด แต่มีรสเปรี้ยวกว่า ใครชอบทานมะเขือเทศ ลองทำทานดูนะคะ (ใครไม่ชอบก็ทำได้ค่ะ ไม่เหลือรสชาติมะเขือเทศที่คุ้นเคยเลย รับรอง)

ส่วนผสมตามนี้เลยนะคะ

– แป้งขนมปัง 1 1/3 ถ้วย
– แป้งโฮลวีท 1 ถ้วย
– ยีสต์ 2 1/4 ช้อนชา
– เกลือ 1/2 ช้อนชา
– นม 1 กล่อง (ประมาณ 1 ถ้วย หรือ 180 ml)
– น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
– ข้าวโอ๊ต 1/2 ถ้วย
– เมล็ดทานตะวัน 1/4 ถ้วย
– เมล็ดฟักทอง 1/3 ถ้วย (30 กรัม)
– งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ
– มะเขือเทศราชินีแห้ง 40 กรัม (สับหยาบๆ)

เริ่มเลยนะ



1. ของที่ใช้มีทั้งหมดตามนี้ค่ะ (ขาดเกลือไปหนึ่งอย่างนะคะ ว่าตรบแล้วเชียว)


2. คนผสมนม ยีสต์ น้ำตาล แล้วทิ้งไว้ให้ยีสต์ขึ้นค่ะ (ประมาณ 5-10 นาที) … ยีสต์จะพองๆขึ้นมาอย่างนี้ (ใครจะผสมยีสต์ไปกับแป้งก็ได้นะคะ ยีสต์ขวดนี้นานแล้ว ต้องทดสอบก่อนค่ะ เดี๋ยวยีสต์ตายหมด จะเหนื่อยป่าว)


3. ผสมแป้งขนมปัง แป้งโฮลวีท เกลือ งาดำในอ่างผสมค่ะ เสร็จแล้วก็เทของเหลวตจากข้อ 2 และน้ำมันมะกอกลงไป


4. คนผสมให้เข้ากัน แล้วก็ใช้มือนวดค่ะ (พอดีนิ้วเป็นแผล วันนี้ต้องใส่ถุงมือค่ะ … ปรากฏว่าใส่ถุงมือนี่ นวดแป้งไม่ติดมือเลยค่ะ ง่ายขึ้นเยอะเลย สงสัยต้องใส่นวดตลอดซะแล้ว หุหุ)


5. นวดแป้งเข้ากันดีแล้ว ก็ไส่เมล็ดต่างๆลงไป พร้อมกับมะเบือเทศ (วันนี้ไม่ทุบ ไม่ปั่นอะไรเลยค่ะ ใส่ไปทั้งเม็ด อยากลอง อิอิ) … นวดต่อไปนะคะ นวดอีกสัก 10 นาที


6. นวดจนเหนื่อยแล้ว เราก็ปั้นแป้งโดร์ให้กลมๆ ทาด้วยน้ำมันมะกอก แล้วคลุมพลาสติกไว้ (พรมน้ำลงไปหน่อยนะคะ จะได้ชื้นๆ พรมที่พลาสติกนะคะ) … ทิ้งไว้ให้แป้งขึ้นเป็น 2 เท่าค่ะ


7. ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ แป้งขึ้นแล้ว พองเชียวค่ะ (ขนมปังโฮลเกรนนี่ แป้งไม่ค่อยขึ้นมากนะคะ ส่วนผสมมันไม่ค่อยหวาน ไม่ต้องตกใจไป)


8. เอานิ้วจิ้มลงไป (ใส่ถุงมือพลาสติก หรือชะโลมนิ้วด้วยแป้งก่อนนะคะ) ถ้ารูที่เราจิ้มลงไป ไม่เด้งกลับขึ้นมา แป้งเราก็ได้ที่แล้วค่ะ … นวดไล่ลมอีกครั้ง แล้วก็ขึ้นรูปได้เลย … วันนี้ตบๆให้เป็นก้อนเฉยๆค่ะ แล้วก็กรีดด้านบนเล็กน้อย


9. ทิ้งไว้ให้แป้งขึ้นอีกรอบ คลุมพลาสติกชื้นๆไว้เหมือนเดิมนะคะ ใช้เวลาพอๆกับครั้งแรก … ใกล้ๆครบเวลา ก็ประมาณ 45 นาที เราก็วอร์มเตาอบเลยค่ะ ใช้ไฟบน-ล่าง 200 – 220 C อบนาน 25-30 นาทีค่ะ


10. เตาอบใหม่ยังไม่รู้ใจกัน วางขนมปังไว้ใกล้ไฟบนมากไปหน่อย ออกมาด้านบนเข้มไปนิด แต่ขนมปังสุกเหมือนเดิมค่ะ … สไลด์ออกมาหน้าตาเป็นงี้ ทานเปล่าๆก็ได้ค่ะ สารอาหารอัดแน่นอยู่แล้ว ลองทำทานดูนะคะ

ขนมปัง Whole Grains (V.2)



ขนมปัง Whole Grains … สูตรนี้ ต้องเคี้ยว กร่อบ กร่อบ


ส่วนผสมตามนี้ค่ะ

– แป้งขนมปัง 1 1/3 ถ้วย
– แป้งโฮลวีท 1 1/4 ถ้วย
– ยีสต์ 2 ช้อนชา
– เกลือ 1/2 ช้อนชา
– นมกลิ่นวานิลา 1 กล่อง (ประมาณ 1 ถ้วย) … ใช้น้ำ ใช้นมแบบอื่นได้ตามสบายค่ะ
– น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
– ข้าวโอ๊ต 1/2 ถ้วย
– เมล็ดทานตะวัน 1/4 ถ้วย
– เมล็ดฟักทอง 1/3 ถ้วย
– งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ

เตรียมของพร้อมแล้ว ลงมือเลยค่ะ


1. ของแห้ง ชั่ง ตวง เสร็จแล้ว เทใส่กะละมังผสมเลยค่ะ (ใครมีเครื่อง ก็ใช้เครื่องค่ะ พอดีไม่มี เลยใช้กะละมังไปก่อน ^^)


2. พอดีเจอนมกลิ่นวานิลาของน้องในตู้เย็น เลยขอเอามาลองซะหน่อย … ผสมนม 1 กล่องนี้กับน้ำตาลทรายแดง คนให้ละลาย แล้วเติมน้ำันมะกอกลงไปค่ะ


3. เอาข้าวโอ๊ต เมล็ดทานตะวัน แล้วก็เมล็ดฟักทองใส่ถุง หาอะไรมาทุบๆพอให้บุบๆ ค่ะ (ถ้าถามว่าไม่ทุบได้มั๊ย … ได้มั้ง เดี๋ยวคราวหน้าจะลองดูนะ) ==> พวกนี้พักไว้ก่อนค่ะ นวดเฉพาะแป้งก่อน จะได้นวดง่ายๆ


4. คนผสมพวกแป้ง ยีสต์ เกลือ กับงาดำเข้าด้วยกัน ค่อยๆ เทของเหลว (จากข้อ 2) ลงไป คนผสมไปเรื่อยๆค่ะ


5. คนด้วยไม้พายต่อไปไม่ไหว ก็ใช้มือเราผสมต่อค่ะ นวดๆให้แป้งเป็นเนื้อเดียวกันสักพัก (ประมาณ 5 -10 นาที) ก็ใส่เมล็ดต่างๆ (จากข้อ 3) ลงไป


6. นวดผสมต่อค่ะ นวดจนเมล็ดมันไม่หลุดออกมาจากก้อนโดว์ (นวดต่ออีกประมาณ 5 – 10 นาที) ถ้าแป้งแห้งไป เติมน้ำได้นะคะ ถ้าแป้งแฉะไปเราก็เติมแป้งค่ะ ส่วนผสมวันนี้ค่อนข้างแห้ง เติมน้ำไปนิดหน่อยค่ะ


7. นวดได้ที่ดีแล้ว ทาน้ำมันมะกอกเล็กน้อย แล้วพักแป้งไว้ในที่ร้อนชื้น (ใช้ถุงพลาสติกพรมน้ำคลุมไว้เหมือนเดิมค่ะ ใครจะใช้พลาสติกแร๊ปไว้ก็ได้นะ) พักไว้ประมาณ 1 – 1 ชม ครึ่ง


8. ผ่านไป 1 ชม 25 นาที แป้งขึ้นเป็น 2 เท่าแล้วค่ะ … เอาโดว์ออกมานวดไล่ลมซักรอบ แล้วก็ขึ้นรูป ใช้มีดกรีดเล็กน้อย ใส่ถาดเตรียมอบได้เลยค่ะ


9. ก่อนอบ ก็พักแป้งกันอีกรอบค่ะ … รอบนี้ขึ้นเร็วแฮะ 48 นาที ก็ขึ้นแล้ว (( รีบไปเปิดเตาอบเลยค่ะ 350-375 F ทิ้งไว้สัก 10 นาที )) ครบ 10 นาที เอาแป้งเราเข้าไปอบ … วันนี้อบแบบปิดฟอล์ย 20 นาที ต่อด้วยไม่ปิดอีก 15 นาที … แถมด้วย 400 F อีกสัก 5 นาที (อยากให้หน้ามันเหลืองๆ แข็งๆหน่อย)

10. สีสวยถูกใจแล้ว เอาออกจากเตาอบ แหงะออกจากพิมพ์อบ ทิ้งไว้ให้เย็นสัก 10 – 15 นาที แล้วก็สไลด์เก็บไว้ทานตอนเช้าค่ะ

ถ้าปิ้งทานจะเพลินมากค่ะ … ปาดเนยถั่วตู้มๆ เติมแยมเล็กน้อย … กร่อบ … กร่อบ … กร่อบ … (ไว้มีเตาอบดีๆ จะลองทำขนมปังนุ่มๆดูมั่งนะคะ ช่วงนี้ขอแบบบริหารฟันกะเหงือกไปก่อนละกัน)  … อยากให้ทุกคนรักษาสุขภาพนะ กินอะไรดีๆ วันละมื้อ 2 มื้อ – ทำได้ – ไม่ยาก – เกินไป – เชื่อสิ :")

ขนมปังฟักทอง (โฮลวีท) :: Pumpkin Whole-Wheat Bread


ขนมปังโฮลวีทฟักทอง … ขนมปังก้อนเหลืองๆ หอมหวลชวนบิชิม

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะคะว่า อันนี้ทำเป็นครั้งแรก สูตรอาจจะยังไม่นิ่งก็ได้นะ ใครอยากลองทำตาม ทำไปแล้วออกมาหน้าตาประหลาดอย่าเพิ่งมาว่ากันนะ แต่ถ้าใครทำขนมปังอยู่แล้ว เชื่อค่ะว่าทุกคนสามารถปรับสูตรตามสภาพดินฟ้าอากาศได้แน่นอน เราเอาสูตรมาจากหลายที่ เอามาประยุกต์รวมๆกัน (ตามสูตรบอกว่าใส่ฟักทอง 80 กรัม เอ่อ ต้มแล้วชั่ง หรือชั่งแล้วต้มก็ไม่รู้ -_-") อยากกิน … ไม่เป็นไร ใส่มันไป 4 ชิ้นเลยละกัน เหลืองดี ฮ่าๆๆๆ

สูตรที่เราทำ สุดท้ายมีประมาณนี้

ตัวขนมปัง

– แป้งขนมปัง 150 กรัม
– แป้งโฮลวีท 100 กรัม
– ฟักทองญี่ปุ่นต้ม 4 ชิ้น (ต้มแล้วน้ำหนักประมาณ 200 กรัมกว่าๆ)
– ยีสต์ 1 1/4 ช้อนชา
– เกลือ 1/2 ช้อนชา
– น้ำเต้าหู้ 1 ถ้วย (ใครจะใช้นม หรือน้ำเปล่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร)
– น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 50 กรัม (ไม่ใช่น้ำตาลทรายแดงนะคะ)
– น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ

ไส้ฟักทอง (มันน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ อันนี้ลองค่ะ ลองล้วนๆ อยากกิน เห็นฟักทองเหลือ)

– ฟักทองญี่ปุ่นต้ม 4 ชิ้น
– เกลือ 1/4 ช้อนชา
– น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ

*คนผสมแล้ว ชิมเอาเลยค่ะ ปรับตามชอบโล๊ด

วิธีทำตามนี้เลยนะคะ


1. ต้มฟักทองค่ะ ต้มทิ้งไว้ก่อนเลยให้เย็น ใช้เวลานานใช้ได้ เพราะฉะนั้น ทำทิ้งไว้ตอนกลางคืนก็ได้นะ … แนะนำให้ใช้ฟักทองญี่ปุ่น ของเค้าดีจริงๆ เหลืองทอง หอม มัน (ไม่รู้ขนมปังอร่อย เพราะฟักทองวิเศษอันนี้เป่า จริงๆแล้ว หุหุ) ล้างฟักทองให้สะอาด ล้างทั้งเปลือก ยังไม่ต้องหั่น … ลองซื้อใยบวบมาใช้ล้างเปลือกผลไม้กันดูนะ เราจะได้ขัดถู ล้างได้สะอาดหมดจด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องยานู่นนี่อีกต่อไป ล้างเสร็จแล้ว ผ่าครึ่งแล้ว ผ่าเซี้ยว ผ่าซีกให้ได้ออกมาชิ้นประมาณนี้ค่ะ ต้มนานประมาณ 10-15 นาที ฟักทองจะนิ่มกะลังดี ทิ้งไว้ให้เย็น (จริงๆแล้ว อาจจะไม่ต้องเย็นก็ได้นะ แต่เวลานวดแป้ง คงลวกมือน่าดู ฮ่าๆๆ)


2. แยกแก๊งค์แห้งกะแก๊งค์เปียกค่ะเวลาเตรียม แก๊งค์แห้งก็จะมีัแป้งขนมปัง แป้งโฮลวีท ยีสต์ เกลือ (ใครจะอุ่นยีสต์ก่อนก็ได้นะ เราไม่ได้อุ่น เพิ่งซื้อมา ถ้าจะอุ่นยีสต์ก่อน ก็เอายีสต์ไปรวมเป็นแก๊งค์เปียกโล๊ด)

3. แก๊งค์เปียก มีน้ำเต้าหู้ น้ำตาล และน้ำมันมะกอก (น้ำเต้าหู้เอาเข้าไมโครเวฟพอให้อุ่นเล็กน้อยค่ะ น้ำตาลจะได้ละลายง่ายๆ)


4. ยีฟักทองทั้งเปลือกเลยค่ะ (ใครอยากลองทำแบบมีไส้ ยี 2 ถ้วยค่ะ ถ้วยนึงยีเฉยๆ อีกถ้วยปรุงฟักทองด้วยค่ะ ปรุงตามชอบได้เลยนะคะ ของสุกแล้ว ชิมได้ตามชอบ)

5. ผสมแกีงค์แห้งเข้าด้วยกัน (ใช้ช้อนคนๆเฉยๆ … ไม่ได้ร่อนแป้งอีกแล้ว 555 ขี้เกียจเก็บ)

6. ผสมแก๊งค์เปียกเข่้าด้วยกัน คนให้น้ำตาลละลาย แล้วใส่น้ำมันมะกอกลงไป


7. เทส่วนผสมทั้ง 2 แก๊งค์ ใส่ฟักทองที่ยีแล้ว แล้วก็คนผสมเลยค่ะ (ใช้ช้อนทานข้าวคนเอาก็ได้นะ ล้างง่ายดี :") ผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตอนนี้เนื้อแป้งจะหนักและเริ่มคนยากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องฝืนค่ะ คนเท่าที่คนได้


8. คนไม่ไหว โรยแป้งลงไปเล็กน้อย ตอนนี้มือเรานี่แหละ เวิร์คสุด ^^ บีบๆ นวดๆ (ส่วนผสมเหลวไปเติมแป้ง ส่วนผสมแห้งไปเติมน้ำค่ะ เติมทีละเล็กน้อย เอาพอให้ก้อนโดร์ไม่ติดหนึบหนับที่มือเราเกินไป) นวดไปเรื่อยๆค่ะ นวดสัก 10-15 นาที


9. แป้งจะเนียน นุ่ม นิ่ม หยุ่น สวยงาม รวบแป้งเป็นก้อน พักไว้ในถาดสะอาดๆ แล้วคลุมด้วยพลาสติกค่ะ (ใครจะใช้แร๊ป แล้วเอาผ้าขาวบางชุบน้ำคลุมไว้ หรือจะใช้ถุงพลาสติกใบโตๆ พรมน้ำข้างในครอบไว้ก็ได้ค่ะ เราแค่ต้องการให้แป้งอยู่ในสภาพร้อนชื้น ยีสต์ซึ่งเป็นเชื้อราจะทำงานได้ดี :") ทิ้งไว้ประมาณ 1 – 1 ชมโมงครึ่งค่ะ


10. ผ่านไป 1 ชม 13 นาที ขึ้นอืดเต็มถาด เนื้อแป้งเป็นใยๆเลยทีเดียว ฝนจะตก อากาศร้อนชื้นสะใจบ่ายนี้ ^O^" พอแล้วล่ะเนอะ เอาออกมานวดอีกรอบ ไล่อากาศข้างใน เตรียมขึ้นรูปได้เลยค่ะ


11. แบ่งแป้งเป็น 2 ส่วน … (ส่วนที่ยังไม่ใช้ เราก็เอาพลาสติกคลุมไว้ก่อน) … วันนี้อยากลองขึ้นรูปแบบ "ซินนามอนโรล" ซะหน่อย แผ่แป้งให้แบนค่ะ ใครมือใหม่อย่างเรา ยังไม่มีลูกกลิ้ง อย่าไปท้อค่ะ แก้วน้ำก็ได้ ไม่ยากไร ออกมาหน้าตาเหมือนกันมั้ง อิอิ (ใช้แก้วน้ำที่เป็นทรงตรงนะ ทรงกระบอกหน่ะค่ะ) กลิ้งๆ จนแบน อ้อ! ใครไม่มีที่ทำเหมือนเรา ใช้พลาสติกแร๊ปเขียงเป็นพื้นที่ทำงานก็ได้นะ เอากระดาษหนังสือพิมพ์ปูซะหน่อย จะได้เก็บง่ายๆ ไม่ไหวๆ อุปกรณ์ทำขนมแพงชะมัด เล๊งอยู่หลายอัน T_T")

12. เสร็จแล้วก็ปาดฟักทองที่เรายีไว้ให้ทั่ว "มีดคุณโต้" นั่นแลช่วยเราได้ (ก็อีชั้นยังไม่มีที่ปาดไฮโซนี่นา ขอนุญาตใช้มีดคุณโต้ปาดไปก่อนละกัน ^^)


13. ปาดได้แล้ว เริ่มม้วนค่ะ ประโยชน์จากการใช้พลาสติกแร๊ปเขียงไว้เริ่มส่งผล ทุลักทุเลอยู่นาน จนนึกขึ้นได้ว่า อ้อ! เราก็กรีดพลาสติกออกมาช่วยซี้ เหมือนเวลาทำข้าวปั้นญี่ปุ่นไง (ยังไม่เคยทำ แต่เคยเห็น) ได้ออกมาประมาณที่เห็นค่ะ ใช้ได้เลยทีเดียววิธีนี้


14. ม้วนได้แล้ว ก็ใช้มีดคุณโต้เมื่อกี้นั่นแหละหั่นค่ะ หั่นเสร็จแล้วก็เรียงใส่ถาดเตรียมไว้เลย วางห่างๆกันหน่อยนะคะ


15. เอาอีกส่วนมาปั้นขึ้นรูปประมาณนี้ กรีดๆผิวหน้ามันหน่อย (ใครอยากทาไข่ ทาเนยก็ทาได้เลยค่ะ)

16. คลุมไว้ด้วยผ้าขาวบางชื้นๆ ทิ้งไว้อีกสัก 45 นาที (ฝนจะตกแน่ๆ ฟ้าทะมึน แดดหดซะขนาดนี้)


17. ร้อนอบอ้าวได้ใจจริงๆ แป้งขึ้นอืดสะใจมาก บวมพอแล้วละมั้ง ((วอร์มเตาอบได้แล้วนะคะ 375 F ค่ะ))


18. อบในฝาครอบนี่แหละ ยังไม่ได้ซื้อเตาอบซ๊ากกที (พอดีลื้อไปเจอถาดไรไม่รู้มีรูๆด้วย เลยเอามาครอบซะเลย) อบนานประมาณ 30-35 นาทีค่ะ แบ่งเป็น 20 นาที กับ 10-15 นาทีแบบไม่มีฝาครอบ (อบเท่ากันค่ะ ทั้งมีไส้ ไม่มีไส้)


19. อบเสร็จ เราก็เอาออกมาผึ่งไว้ให้เย็น

เรียบร้อยค่ะ ขนมปังโฮลวีทฟักอง ขนมปังง่ายๆ ที่มีคุณค่าทางอาหารเต็มเปี่ยม ทานคู่กับน้ำเต้าหู้ร้อนๆนะ แหม่ะ "อร่อย อย่าบอกใครเชียว"

ขนมปัง Whole Grains (V.1)

ขนมปัง Whole Grain จริงๆ อยากจะเรียกว่า Super Grains มากกว่า :")

หลังจากเลิกบุหรี่ได้สักพัก พุงก็มีแต่จะโย้ๆออกมา เกิดเป็นความสับสนว่า เอ๊ะ เราจะกลับไปดูดใหม่ดีมะ อีกใจก็พูดเสียงก้องๆออกมาว่า "ไม่นะ เราเลิกแล้ว"ๆๆๆ วนเวียนให้ปวดหัว บังเกิดเป็นความฟุ้งซ่านต้องหาทางลดหน้าท้อง ลดน้ำหนักลงมาให้ได้ อ่านหนังสือค่ะ อ่านหลายเล่มเลย แล้วก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า เราต้องเริ่มต้นดูแลสุขภาพแล้วนะ เริ่มควบคุมอาหาร เน้นผักและผลไม้ให้มากขึ้น กินทุกอย่างที่มีประโยชน์ จะกินอะไรเรื่อยเปื่อยเหมือนสมัยสาวๆไม่ได้อีกแล้ว  ขนมปังก็เป็นหนึ่งในอาหารดีมีประโยชน์ที่หลายๆตำราแนะนำให้ทาน "แต่" ต้องเป็นแบบโฮลวีท โฮลเกรนนะคะ ถึงจะได้รับสารอาหารที่ดี … อะอ้าววว ทันใดนั้น มันก็เกิดเป็นคำถามขึ้นมาอีกว่า แล้วขนมปังที่ชั้นหาซื้อได้ง่ายๆมันดีจริงรึเปล่า เริ่มวิตกจริตค่ะ เลยเริ่มต้นหาวิธีทำ หาสูตร หาข้อมูลมากมาย  … พอทำได้แล้ว ออกมาหน้าตาไม่ประหลาดอย่างที่เคย เลยต้องหาโอกาสเอามาโชว์ให้เพื่อนๆได้ดู ก็ขนาดไอ้ต๊อบมันยังทำได้ ไมชั้นจะทำไม่ได้ ชะมะ ฮ่าๆๆๆ "ขนมปัง ง่ายนิ๊ดเดียว" อยากให้ทุกคนรู้สึกอย่างงี้ แล้วลองทำทานดูนะ สนุกดี (พอเราทำเอง เราก็จะรู้ว่า เราอยากใส่แต่ของที่ดีเข้าไปให้ตัวเอง ไม่ได้กลัวว่าของจะเสียเร็ว หน้าตาจะสวยไม่นาน กินเองนี่นา ไม่ต้องไปแข่งกะใคร หุหุ)

ขอประเดิมสูตรแรกด้วยขนมปังตัวโปรดเลยละกัน ขนมปังอันนี้ทำง่าย (ทำทานเกือบทุกอาทิตย์ ปรับเปลี่ยนไปเรื่อย แต่สูตรหลักๆ ก็ประมาณนี้ค่ะ)

ส่วนผสม

– แป้งขนมปัง 1 1/4 ถ้วย (1/4 ถ้วยเก็บไว้โรยตอนนวดแป้งค่ะ)
– แป้งโฮลวีท 1 ถ้วย
– แป้งไรน์ 1/2 ถ้วย
– มูสลี่ หรือ ซีเรียลแบบโฮลเกรน 1/2 ถ้วย
– ข้าวโอ๊ต 1/2 ถ้วย
– เมล็ดฟักทอง 1 ซอง (30 กรัม)
– น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
– เกลือ 1 ช้อนชา
– น้ำเปล่า 1 ถ้วย (อุณหภูมิห้อง)
– เลม่อน 1 ซีก (ถ้าเป็นมะนาวเแป้นใช้แค่ครึ่งซีกพอค่ะ)
– ยีสต์ 2 1/4 ช้อนชา


1. Cereal + ข้าวโอ๊ต + เมล็ดฟักทอง ส่วนผสมนี้เอาไปปั่นปั่นรวมกันก่อนค่ะ

2. ต่อด้วยแก๊งค์ของแห้งทั้งหลาย มีแป้งขนมปัง แป้งโฮลวีท แป้งไรน์ ซีเรียล ข้าวโอ๊ต เมล็ดฟักทอง (ที่ปั่นแล้ว) เกลือ แล้วก็ยีสต์ เทใส่อ่างผสมคนๆให้เข้ากัน (ไม่ได้ร่อนแป้งค่ะ ขี้เกียจเก็บ พูดตรงๆ โฮะๆๆ)


3. ผสมน้ำ น้ำตาลทราย น้ำมะนาว
เข้าด้วยกัน จะใส่น้ำมันมะกอกไปเลยก็ได้ค่ะ หรือจะใส่ตามทีหลังก็ได้


4. คนส่วนผสมให้เข้ากัน คนตะล่อมไป ตะล่อมมา ได้ออกมาประมาณนี้


5. โรยแป้งลงไปเล็กน้อย แล้วก็เริ่มต้นนวดแป้งได้เลยค่ะ ส่วนผสมที่ทำวันนี้ พอดีอย่างน่าเหลือเชื่อ


6. นวดไป-นวดมา โยนไป-โยนมา สัก 5-10 นาที พอให้รู้สึกว่าแป้งมันเข้ากันดีแล้ว เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ค่อยติดมือก็ใช้ได้แล้วค่ะ


7. หาพลาสติกมาคุมไว้ จะแร๊ปไว้ก็ได้นะ แต่เราเพิ่งค้นพบว่าใช้ถุงพลาสติกใบโตๆง่ายกว่าเยอะ พรมน้ำเข้าไปข้างในเล็กน้อย แล้วก็เอาอ่างผสมเราใส่เข้าไปโล๊ด ส่วนผสมอันนี้ค่อนข้างหนัก ท้ิ้งไว้นานหน่อยนะคะ ตั้งทิ้งไว้ซัก 1 ชม ครึ่ง (กระแดะซ้าาา ใช้ iPhone จับเวลา 555) … ก่อนมันจะระเบิดตัวเอง แป้งมีขนาดประมาณนี้ ขนาดประมาณกระท้อนลูกอวบๆ


8.  ปล่อยไว้ชั่วโมงกว่าๆ น้อยใจ ระเบิดตัวเอง กลายเป็นแบบนี้ เล่นเอาเกือบเต็มอ่าง

9. 
เอาออกมานวดไล่ลมค่ะ นวดเบาๆสัก 5 นาที แล้วก็ขึ้นรูปได้เลยค่ะ วันนี้เอาใส่โลฟเฉยๆ ก็ขึ้นรูปเป็นก้อนยาวๆหน่อย



10. ใช้มีดกรีดเล็กน้อย (ลองกรีดตามยาว 3 เส้นค่ะวันนี้ ใครอยากกรีดแบบไหน กรีดได้เลยค่ะ ไม่ซีเรียสอะไร) ใส่ถุงพลาสติกไว้อีกที มันจะระเบิดตัวเองเป็นครั้งที่ 2 ใช้เวลาเร็วกว่าครั้งแรกเกือบครึ่งชม.
((พอใกล้ๆ ครบเวลา เราก็วอร์มเตาอบก่อนเลยนะคะ ตั้งที่ 375 F ค่ะ))
  พอฟูเต็มถาดอีกครั้ง ก็ใช้ได้แล้วค่ะ ใครจะทาด้วยไข่ ทาด้วยนม ก็ทาได้เลยนะคะ (ที่ทำไม่ได้ทาค่ะ เสียดายไข่ ขี้เกียจหยิจหยิบนม -_-")


11. 555 ใครยังไม่มีเตาอบไฮโซ ใช้ฝาครอบไปก่อนเหมือนเราก็ได้นะ เอาฟอล์ยปิดหน้าไว้หน่อยกันหน้าแตก ตั้งไฟที่ 375F ค่ะ อบประมาณ 30-35 นาที (ที่ทำแบ่งเป็นปิดฟอล์ย 20 นาที ไม่ปิดอีก 15 นาที)

12. ครบเวลา เคาะออกมาจากโลฟ ผึ่งลมไว้หน่อยให้เย็นค่ะ (เอาออกมาตากลมนอกบ้านซะเล้ย อยากชิมแล้นนนน)

สไลด์ทานตอนร้อนๆ กับแยมเล็กน้อย อิ่ม อร่อย ได้สุขภาพค่ะ ถ้าเก็บไว้นาน แนะนำให้ปิ้งทานนะคะ ขนมปังสูตรนี้ไม่นิ่มเหนียว ปิ้งทานอร่อยกว่า
ลองทำทานกันนะ แล้วจะรู้ว่า ขนมปัง ง่ายนิ๊ดเดียว :")