Archive for August, 2009|Monthly archive page

ผัดฟักทองกับใบโหระพา

ผัดฟักทองกับใบโหระพา … อีกทางเลือกนึงสำหรับคนรักฟักทองค่ะ

ด้วยความที่ฟักทองนั้นเป็น "ซุปเปอร์ผัก" อ่านเล่มโน้นก็แนะนำให้ทาน อ่านเล่มนี้ก็แนะนำให้กิน บางเล่มถึงขั้นแนะนำเป็นเครื่องดื่ม จะไม่ทำทานได้ยังไงใช่มั๊ยค่ะ … วันนี้ลองค่ะลอง ลองเอาฟักทองมาผัดกับใบโหระพา (พอดีเหลือมาจากกินส้มตำ อิอิ) … ปรากฏว่า เข้ากันอย่างแรง ถูกใจมากๆค่ะเมนูนี้ คือส่วนตัวแล้วไม่ชอบทานฟักทองผัดไข่หน่ะค่ะ เมนูฟักทองเราเลยหนักไปทางของหวาน วันนี้ได้เมนูของคาวมาใหม่อีกหนึ่งเมนู ยกให้เป็นเมนูโปรดเลยก็ว่าได้ :")

ใครยังไม่เคยลองเมนูนี้ เตรียมของได้เลยค่ะ
– ฟักทอง (ตามปริมาณที่จะทาน)
– ใบโหระพา (ตามปริมาณที่ชอบ)
– กระเทียมสับ 3-4 กลีบใหญ่
– พริก
(ตามปริมาณที่ชอบ)
– เครื่องปรุงวันนี้มี ซอสเห็ดหอม, ซีอ้วขาว, เกลือเล็กน้อย, ผงปรุงรสคนอร์สูตรไม่ใส่ผงชูรส แล้วก็พริกไทยค่ะ
– น้ำ (ขึ้นอยู่ปับปริมาณฟักทอง ใส่พอให้นองๆในกระทะก็พอค่ะ)
– น้ำมันสำหรับผัด

จดส่วนผสมเสร็จแล้ว ลงมือได้เล้ย


นี่นะคะ ของที่เตรียม … 1 มื้อของเรา ใช้ฟักทองไปประมาณ 2 ขีด (200 กรัม) โหระพา 3 ช่อ … โหระพาล้างหลายๆน้ำแล้วแช่ไว้ก่อนค่ะ ฟักทองวันนี้หั่นเหมือนแกงบวดเลย อยากให้สุกเร็วๆหั่นฟักทองเสร็จก็มาทุบพริกจี้หนู กับสับกระเทียมรอไว้ค่ะ


ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันแล้วเจียวกระเทียมก่อนค่ะ เสร็จแล้วตามด้วยพริก


ต่อด้วยฟักทองค่ะ แล้วปรุงรส ปรุงรสได้ที่ดีแล้ว (น้ำตาลไม่ต้องใส่ก็ได้นะคะ ฟักทองหวานอยู่แล้ว แต่ใครจะใส่ก็ไม่ผิดอะไร เอาแบบที่ชอบๆๆละกันค่ะ^^) เติมน้ำพอนองๆในกระทะ


แล้วปิดฝาไว้สักครู่ค่ะ (ไม่มีฝา เอากะละมังมาปิดแทนก็ได้นะ แต่จะเปิดดูยากหน่อย หุหุ) สักพักก็เปิดฝาดู ถ้าฟักทองยังไม่สุก ก็เติมน้ำเล็กน้อยแล้วปิดไว้อีก เนื้อฟักทองจะดูใสขึ้นค่ะ เวลามันสุก พอฟักทองสุกแล้วเราก็โยนโหระพาลงไปแล้วปิดไฟได้เลยค่ะ คลุกๆ โหระพานิดหน่อยก็สลดหมดแล้ว … (อย่ามัวแต่ถ่ายรูปเหมือนนะคะ โหระพาสุกเกินเลยวันนี้ T_T)

ทานคู่กับข้าวกล้องโรยงาเล็กน้อย อืมมม หอมอร่อยมากๆเลยค่ามื้อนี้ … ใครชอบทานฟักทอง อยากให้ลองจริงๆ รับรองว่าโดนใจแน่นอน ฟันธง! (ธงใครก็ม่ายรู้ หุหุ^^)

Honey Oat & Prune Bread



Honey Oat & Prune Bread :: ขนมปังลูกพรุน
(เหตุเกิดจากงานแต่งงานเพื่อนและของฝากในตู้เย็น)

อาทิตย์ที่แล้วไปงานหมั้นเพื่อนมา
ได้น้ำผึ้งมาเป็นของชำร่วยค่ะ
ขวดเล็กกำลังดี น้ำหนักชั่งเมื่อวาน 70 กรัมพอดิบพอดี
จะวางโชว์ไว้ทำไมให้เสียของ 555
พลิกตำราดูสิ เอาไปทำอะไรดี
พลิกไปพลิกมาเจอขนมปังอินทผาลัมน่าอร่อย
อ๊ะ เราไม่มี แต่มีลูกพรน (เดาเอาเองว่าคล้ายๆกัน^^)
… ได้แล้วค่ะ วัตถุดิบหลัก 2 อย่าง
ที่เหลือ … ได้เวลาทำการทดลองอีกแล้ว


สมมติสูตรวันนี้ ประกอบด้วย
แป้งไรน์ 60 กรัม
แป้งโฮลวีท 100 กรัม

แป้งขนมปัง 140 กรัม
ข้าวโอ๊ต 1/2 ถ้วย
งาดำ พอประมาณ
น้ำผึ้ง 70 กรัม
ลูกพรุน 180 กรัม (เยอะไปหน่อยค่ะ)
ยีสต์ 2 1/2 ช้อนชา
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
น้ำมันมะกอก 1/3 ถ้วย


เตรียมของเสร็จแล้ว เอาลูกพรุนมาสับค่ะ


ส่วนของแป้งทั้ง 3 ชนิด ผสมยีสต์เข้าไปด้วยเลยค่ะ
เติมงาดำบดใหม่ๆ แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน


เติมน้ำผึ้ง น้ำมันมะกอกลงไป


แล้วเติมน้ำค่ะ จากนั้นก็คนๆให้พอเข้ากัน



เติมข้าวโอ๊ต แล้วเริ่มนวดแป้งค่ะ
(ใส่ถุงมือนวดแป้ง นวดง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ
ไม่ติดหนุบหนับๆ เหมือนเคย แล้วแต่ถนัดค่ะ)


พอเรานวดแป้งไปได้สักพัก ก็เติมลูกพรุนเข้าไปนวดต่อ
นวดสักพักใหญ่ๆเลยนะคะ นวดจนลูกพรุนแทรกเข้าไปในเนื้อแป้ง
ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีได้ค่ะ (นวดมือ)


ได้ที่แล้ว ปั้นเป็นก้อน แล้วเอาน้ำมันมะกอกทาไว้ค่ะ
คลุมด้วยพลาสติกพรมน้ำ
ทิ้งไว้ประมาณ 1 ถึง 1 ชมครึ่ง ให้แป้งขึ้นเป็น 2 เท่า


วันนี้แป้งขึ้นน้อยไปหน่อย สงสัยจะหนักลูกพรุน ฮ่าๆๆ
นวดไล่ลมแล้วขึ้นรูปทิ้งไว้ในโลฟอีกชั่วโมงกว่าๆค่ะ


ใกล้ๆครบเวลา เราก็วอร์มเตาอบเลยค่ะ ใช้ไฟบน-ล่าง 200 – 220 C อบนาน 25-30 นาทีค่ะ
(ต๊อบตั้งไฟผิดอย่างที่เห็นในรูป วันนี้เลยต้องเพิ่มเวลาอบอีกหน่อย)

แต่ก็ได้ขนมปังลูกพรุนหนักเครื่องมากินที่ทำงานตอนเช้าค่ะ
กินคู่กับน้ำเต้าหู้ เวฟก่อนสัก 30 นาทีค่ะ
น้ำผึ้งหวานๆ กับลูกพรุนเปรี้ยวๆ เข้ากันดีค่ะ

ลองทำทานดูนะคะ ใส่ลูกพรุนแค่ 80-100 กรัมพอค่ะ

ใส่เยอะแบบนี้ ขนมปังหนักไปหน่อย

“Homemade” Peanut Butter Cookies



"Homemade" Peanut Butter Cookies

ดีจังที่เจอสูตรคุ๊กกี้สูตรนี้
มีเนยถั่วแช่อยู่ในตู้เย็นพอดีเลยค่ะ :")

เนยถั่วที่บ้านเราทำกินเองนะ
ทำง่ายมาก มีแค่ถั่ว น้ำมันมะกอก แล้วก็เกลือค่ะ

วิธีทำเนยถั่วก็ง่ายๆ
เริ่มจากการคั่วถั่วให้สุกหอม
(เราไม่ได้เอาเปลือกออกด้วยซ้ำ อิอิ)
พอถั่วเย็นลงเล็กน้อย ก็ใส่เข้าเครื่องปั่นค่ะ
ปั่นให้ถั่วละเอียดตามชอบ
เติมน้ำมันมะกอกและเกลือ
น้ำมันมะกอกนี่ก็ค่อยๆใส่ลงไป
จนได้ความข้นที่ต้องการ
เกลือก็ใส่ตามความชอบเหมือนกันค่ะ
(ยังไม่มีสูตรตายตัว บางทีจืด บางทีเค็ม ฮ่าๆๆ)

เอามาทำคุ๊กกี้วันนี้ เลยไม่ต้องใส่เกลือค่ะ
เนยถั่วเค็มอยู่แล้ว

สูตร (ได้คุ๊กกี้ 40 ขิ้น ขนาดประมาณช้อนซุปค่ะ)
แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1 1/2 ถ้วย
เบคกิ้งโซดา 1/2 ชอนชา
ผงฟู 1/2 ช้อนชา
เนยถั่ว 1/2 ถ้วย
เนยจืดนุ่มๆ 100 กรัม (ประมาณครึ่งก้อน)
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำตาลทรายแดง 1/3 ถ้วย
น้ำตาลทรายขาว 1/3 ถ้วย
วานิลา 1 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา (วันนี้ไม่ได้ใส่ค่ะ)


เตรียมของค่ะ เตรียมของเนี่ยใช้เวลานานสุดแล้ว (ลืมนู่น ลืมนี่)
ต่อไปแป้ง ผงฟู เบคกิ้งโซดา น้ำตาลร่อนรวมกันค่ะ



คุณมิคุริสอนไว้ว่าใช้มือกดๆบี้ๆแป้งลงไปให้หมดค่ะ
ที่เหลือเป็นน้ำตาลเม็ดโตๆบางส่วน
ต๊อบเททิ้งไปเลยค่ะ อยากจะตัดหวานออกอยู่แล้ว
ร่อนแล้วพักไว้ก่อนค่ะ

เริ่มตีเนยนุ่มๆ ไข่ วานิลาด้วยสปีดต่ำ
(ตีสปีดสูงไม่ได้ค่ะ กระเด็น 555)


ตีจนเข้ากันดี ก็เอาส่วนผสมแป้งเติมลงไปทีละน้อย
เติมๆ ตีๆ ไปเรื่อยๆค่ะจนแป้งหมด



ตีได้ที่ดีแล้ว ปาดขนมที่ติดอยู่ออกให้เกลี้ยงค่ะ
ปาดขอบอ่างผสมให้เรียบร้อย
ได้ออกมาประมาณนี้นะคะ

((เปิดเตาอบที่อุณหภูมิประมาณ 160-180 C ค่ะ))


ต๊อบใช้ช้อนตักส่วนผสมค่ะ เอาว่าง่าย ขี้เกียจล้าง ^^
ใช้ช้อนนึงพอดีๆค่ะ แล้วก็เกลี่ยๆให้กระจายๆหน่อย
กะเอาตามสะดวกค่ะ ห่างกันพอสมควร

ระหว่างรออบ เอาใส่ตู้เย็นไว้ก่อนค่ะ
พอเตาอบได้ที่ก็รีบใส่เข้าไปเลยค่ะ


ออกมาเป็นงี้ … อบคุ๊กกี้ถาดแรกนี่ต้องคอยดูไว้นะคะ
ถาดแรกต๊อบแจกจ่ายให้แก๊งค์หมาในซอยไปเรียบร้อย
ตูดไหม้ซะงั้น เผลอแป๊ปเดียว T_T"
(ต้องโทษเตาอบใหม่ เรายังไม่รู้ใจกัน)

ถาดที่ 2 ค่อยยังชั่วค่ะ
ใครมือใหม่เหมือนกัน เฝ้าไว้ดีๆนะคะ^^
ไม่งั้นจะได้คุ๊กกี้มาทานแค่ถาดเดียว

เต้าหู้เหลืองผัดผงกะหรี่

เต้าหู้เหลืองผัดผงกะหรี่ … เมนูเหลืองๆหอมๆค่ะ :")

จากที่ซื้อเต้าหู้มาผัดกับเซเลอรี่ไปเมื่อวันนั้น 1 ห่อมี 2 ชิ้น วันนี้ต้องจัดการกับชิ้นที่เหลือก่อนจะเน่าเสียค่ะ

ส่วนผสมผัดผงกะหรี่แบบง่ายๆอย่างเรา มีแค่นี้เองค่ะ
– เต้าหู้เหลือง 1 ก้อน
– หอมแขก 1 หัว
– ผักต่างๆพอประมาณ (วันนี้ใช้แบบฟรีซค่ะ)
– กระเทียม
– ผงกะหรี่ (ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ)
– เครื่องปรุงมีซีอิ้วขาว เกลือนิดหน่อย แล้วก็พริกไทยเล็กน้อย
– น้ำมันสำหรับผัดค่ะ

วิธีทำ


เหมือนเดิมค่ะ เตรียมของก่อน … เสร็จแล้วก็หั่นๆ สับๆ พักไว้นะคะ (เมื่อวานหั่นเต้าหู้เป็นชิ้นสามเหลี่ยม วันนี้ขอแบบสี่เหลี่ยมบางดีกว่า)


ตั้งกระทะ เจียวกระเทียมสักพัก พอกระเทียมเริ่มเหลืองเราก็ตามด้วยหอมแขกเลยค่ะ ผัดหอมสักครู่ก็ตามด้วยผักฟรีซค่ะ … โรยผงกระหรี่ ปรุงรสได้เลยค่ะ


พอผักเริ่มสลด เราก็ตามด้วยเต้าหู้ค่ะ … ผัดๆ คลุกๆ อีกสักพักก็ได้แล้วค่ะ (ใครชอบน้ำคลุกคลิก เติมได้ตามต้องการนะคะ เราชอบผัดแห้งๆหน่ะ :")

เมนูนี้ประยุกต์เอาตามวัตถุดิบในตู้เย็นบ้านเรานะ ใครสะดวกยังไงประยุกต์เอาได้เลยค่ะ ผงกะหรี่หอมๆ ใส่เข้าไปหน่อย ยังไงก็หอมอร่อยอยู่แล้วล่ะ อิอิ

Nutty-Choc Banana Muffins



Nutty-Choc Banana Muffins

หลังจากอบเค้กแล้ว หน้าตาคล้ายๆเค้ก
… ได้ใจ ได้ใจ อบมัฟฟินต่อดีก่า^^

สูตรที่ใช้หลักๆเอามาจากแม่ปูนะคะ
สูตรมัฟฟินช๊อคโกแลต
ที่แม่ปูลงไว้หน่ะคะ (ตามลิงค์ไปได้เลยค่ะ)
แต่เนื่องจากว่าเปิดหลายตำราไปหน่อย
ไม่มีซาวร์ครีมอีกต่างหาก
เลยต้องจับนั่นมาผสมนี่เล็กน้อย
เรียกง่ายๆว่า "มั่ว" นั่นเอง -_-"
ถั่วก็อยากใส่ กล้วยก็ชอบ
ช๊อคโกแลตนิดก็น่าจะดี
555 ออกมาเป็นมัฟฟินผสม
ก็โอเคเลยน๊าาาา
(ชมตัวเองไว้ก่อน เดี๋ยวไม่มีใครชม คริคริคุคะ)

สรุปสูตรที่ทำนะคะ

กล้วยหอมสุกๆ 2 ลูก
(ปลอกเปลือกแล้วหนักประมาณ 270 กรัม)
เนยสดออร์คิด (unsalted) ประมาณ 30-35 กรัม
แป้งสาลีตราบัวแดง 200 กรัม
น้ำตาล 1/2 ถ้วย
ผงฟู 1 ชต.
เบกกิ้งโซดา 1/4 ชช.
เกลือ 1/2 ชช.
ถั่วลิสงคั่ว 50 กรัม
ช๊อคโกแลต Dove (Dark) 1 ห่อ (47 กรัม)

วิธีทำแบบต๊อบๆนะคะ


เอาฤกษ์เอาชัยก่อน
ด้วยการเตรียมของค่ะ

เนยนี่ตัดไส่ไปเท่านี้ค่ะ จริงๆต้องใส่ 50 กรัม เพื่อความหอมหวล
แต่ว่านะ ทำใจไม่ได้จริงๆ มันดูตุ้ยนุ้ยๆไงไม่รู้
(ยังวิตกจริตอยู่อะคะ เพื่อนบอกว่า ทำไปสักพักจะกล้าตักพรวดๆ)


งกอีก ไม่ยอมซื้อช๊อคโกแลตชิพมา

(555 ก็มันครั้งแรกนี่นา เกิดเละไม่เป็นท่า จะเอาที่เหลือไปทำไรชะมะ)
เราชิพเอาเองงี้แหละ ซื้อช๊อคฯแท่งมา แล้วก็เอามีดสับๆเอา^^


เริ่มละนะ … ตีกล้วยก่อนค่ะ สปีดต่ำ
พอกล้วยเละก็ตามด้วยเนย ไข่ วานิลาค่ะ
พอเข้ากันดีแล้วตามด้วยแป้งที่ร่อนแล้วค่ะ

ตอนตีส่วนผสมนี่ สนุกดีเนอะ
เหมือนกำลังทำการทดลองไรสักอย่าง
(ตีไปก็สงสัยไปว่ามันจะออกมาเป็นยังไง)


ต๊อบใช้ตระกร้อมือตะล่อมช๊อคโกแลตกับถั่ว
ให้เข้ากับส่วนผสมอื่นๆค่ะ กลัวมันจะยิ่งเละ ถ้าใช้แบบไฟฟ้าตีต่อไป



ตักใส่ถ้วยค่ะ ถ้วยนี่เค้าใช้ทีละใบใช่มั๊ยคะ
เห็นกระดาษมันบางๆ กลัวทะลุ
ซัดไป 2 บางอัน 3 (หลังๆเริ่มลน) -_-"


ถึงเวลาอบแล้ว ลุ้นที่สุดแล้วม้างงงง ขั้นตอนนี้
นั่งเฝ้าอยู่ตั้งนาน ไม่ฟูขึ้นมาซะทีฟร้าาาา
ชักหวั่นๆ หนีไปล้างอุปกรณ์ก่อนดีก่า


แม่เดินเข้าบ้านมาพอดี ตระโกนบอกว่า เฮ้ย ฟูๆๆ
จานเจินไม่ล้างละคะ รีบวิ่งมาดู
กรี๊ดดดดด ฟูจริงๆด้วย ฟูเชียวดูสิค่ะ^^
ถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนดีก่า กลัวเอาออกมาแล้วแฟ่บ -_-"


ไม่แฟ่บนะคะ จกกินกับแม่ สนุกสนานนนน
ให้แม่กินอันเดียวพอค่ะ ขนมหวานไม่เหมาะกับผู้ใหญ่
กระจายไปให้เพื่อนวัยสะรุ่นนนดีก่า

หวังว่าเพื่อนๆคงไม่ท้องเสียนะ^^
(ใครยังไม่กล้าชิม ชิมได้เลยจ๊าาา เรากะแม่ไม่เป็นไร ฮ่าๆๆ)

เต้าหู้เหลืองผัดเซเลอรี่

เต้าหู้เหลืองผัดเซเลอรี่

จำได้ว่าคุณเพื่อนที่แสนดีเคยผัดให้กินตอนไปเที่ยวด้วยกัน ตอนนั้นผัดกับเบค่อนค่ะ ห๊อม หอม หอมเบค่อนมั่กๆ เด็กๆเราก็ไม่กลัวหร๊อก ไขมง ไขมัน มาวันนี้ต้องขอปรับมาผัดกับเต้าหู้เหลือง ตามแบบฉบับชาวมังสวิรัติซะหน่อย … เป็นลูกครึ่งมังฯค่ะ กินเฉพาะเมนูเช้ากับกลางวัน มื้อเย็นขอเอาใจตัวเองและคนรอบข้างไปก่อนค่ะ :")

เตรียมของดังนี้นะคะ เผื่อใครอยากทำบ้าง
– เซเลอรี่ (คราวนี้เจอก้านอวบๆเลยซื้อมาค่ะ ทุกทีเจอแต่ก้านเล็กๆ ไม่สะใจ)
– เต้าหู้เหลือง (เต้าหู้แบบอื่นก็ได้นะคะ แต่ถ้าเป็นเต้าหู้อ่อนมันจะเละเอาป่าวๆ)
– กระเทียมตู้มๆ
– พริกเล็กน้อย (ตามชอบ)
– เครื่องปรุงวันนี้มี ผงปรุงรสคนอร์สูตรไม่ใส่ผงชูรส เกลือ แล้วก็พริกไทยค่ะ
– น้ำมันสำหรับผัด

ลงมือเลยนะ


เริ่มด้วยการเตรียมของก่อน … ทานคนเดียวเหมือนเรา ตัดก้านเซเลอรี่มา 2 ก้านก็เยอะแล้วค่ะ ล้างดินแถวๆโคนก้านออก แล้วก็หั่นแฉลบๆ ค่ะ … เต้าหู้เราก็หั่นเป็นชิ้นๆ … สับกระเทียม ทุบพริกเตรียมไว้


ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมัน ตามด้วยกระเทียม เจียวกระเทียมให้หอม แล้วก็ใส่เต้าหู้ลงไปค่ะ นาบๆเต้าหู้พอให้เหลือง เติมพริกลงไป


ตามด้วยเซเลอรี่ค่ะ ใส่น้ำไปนิดหน่อย จะได้สุกง่ายขึ้น ปรุงรสตามชอบค่ะ ผัดไป-ผัดมา แป๊ปเดียวก็สุกค่ะ … ห๊อม หอม ขอบอก

แค่เซเลอรี่ 2 ก้านกับเต้าหู้ 1 ก้อนก็เต็มกล่องซะแล้น เติมข้าวไปได้ 2 ช้อนเองค่ะมื้อนี้ … สงสัยเซเลอรี่จะมีกากใยมาก อิ่มทนไม่น่าเชื่อ ^^)

ชิฟฟ่อนมอคค่า



ชิฟฟ่อนมอคค่า … เค้กก้อนแรกในชีวิต :")

จริงๆมันคือเค้กก้อนแรกที่ไม่ใช่เค้กสำเร็จรูปหน่ะค่ะ
แต่เค้กชิฟฟ่อน
คงยากไปสำหรับมือใหม่อย่างเรา
ออกมาเนื้อหนักๆไงชอบกล T_T

สูตรและวิธีทำที่ถูกต้อง
ไปดูของแม่ปูที่นี่เลยค่ะ

ต๊อบปรับสูตรแม่ปูไปเยอะเลยค่าาา
จะไม่เยอะได้ไง แม่ปูทำชิฟฟ่อนชาเขียว
เราดั้นทะลึ่งทำชิฟฟ่อนมอคค่า ๕๕๕
(ก็ชาเขียวผงมันแพงโค่ดๆนิ เปลี่ยนเป็นกาแฟละกัน อิอิ)

และด้วยความที่เราไม่มีเตาอบใหญ่ๆ
จะอบทีละถาดก็ไม่รู้ว่าอีกถาดจะทิ้งไว้ไง
เลยลดลงมา กะว่าให้อบทีเดียวหมด
ลดก็ลดคร่าวๆนะคะ เพราะฉะนั้นวันนี้ไม่มีวิธีทำนะ
มีแต่รูปให้ดูว่าต๊อบทำยังไง
แค่เห็นเค้กฟูขึ้นมาก็ดีใจจะแย่แล้วค่ะ
ยังกลัวอยู่ว่าจะออกมาเป็นบราวนี่^^

สูตรที่ปรับเป็นเยี่ยงนี้เจ้าค่า
ไข่ไก่ ๒ ฟอง
น้ำตาลทราย เกือบๆถ้วย
เนสกาแฟ 3-in-1 (Espresso Roast) ๒ ซอง
โกโก้ ๒ ช้อนชา
ผงฟู เกือบๆ ๑ ช้อนโต๊ะ
แป้งสาลีตราบัวแดง ๑๖๕ กรัม
น้ำมันข้าวโพด ๑/๔ ถ้วย
นมสดจืด ๑/๒ ถ้วยตวง
เกลือป่น เกือบๆ ๑ ช้อนชา
วานิลา ๑ ช้อนชา
น้ำอุ่น (ลืมตวง -_-")



วันนี้เกร็งจัด ตอกไข่แตกด้วยล่ะ T_T
ทำไข่เจียวมาไม่รู้กี่ฟอง เพิ่งมีวันนี้แหละ ตอกไข่แล้วไข่แดงแตก ฮ่าๆๆ


"เกือบๆ" ของเราก็ตวงกันฮาๆแบบนี้แหละค่ะ
เทน้ำตาลไม่เต็มถ้วย
เอามีดโค้งๆปาดผงฟูแทนซะงั้น


คำถามค่าาา … ช่วยหน่อยนะคะ
เวลาร่อนแป้งแล้วส่วนผสมมันลงไม่หมด
ทำยังไงกับส่วนผสมที่ค้างอยู่เหรอค่ะ?
(ต๊อบเทรวมไปเลย เพราะบี้ยังไงมันก็ไม่ลงมา ได้ป่าวก็ไม่รู้)


ตั้งยอดนี่ประมาณนี้มั้งนะ แม่ปูบอกว่า เอาให้น้ำใสๆหมดก็พอ
มันหมดนะคะ แต่ไม่รู้ว่าตั้งยอดถูกรึเปล่า
เห็นบอกว่าไม่ต้องนาน นี่ก็นานสักพักแล้ว
พอก่อนละกัน ได้ยอดประมาณนี้
(ยอดแหลมๆนั่นอะค่ะ เห็นมั๊ยคะ ใช่ยอดนี้เป่า)


คนอย่างเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้
บอกตรงๆนะคะ ว่าไม่น่าจะเบาพอ
เห็นส่วนผสมแม่ปูมันฟูๆ
ไหงของเราชักจะแป๊กๆงี้น๊า

แม่ปูแบ่งส่วนผสมเป็น ๒ ถาด
ต๊อบเทพรวดลงถาดเดียวเลยค่ะ
(ทำการบ้านผิดอีกแว้วววว T_T)


ออกมาด้านหน้าแตกเป็นแนว ด้านล่างบุ๋มนิดหน่อย
เอาแล้วค่ะ ไม่แป๊กอย่างที่คิด
แค่นี้ก็ดีใจจะแย่แล้วววว^^


ตัดแบ่งค่ะ เพื่อความสวยงาม
(เอามาซ้อนกันแบบคุณครูแม่ปูด้วย^^)


อะ … ชิมสักหน่อย … อะฮ่าาา … รสชาติโอเคเลยค่ะ
เนื้อหนักไปเยอะเลย แต่กินได้ค่ะ

รีบตระโกนเรียกแม่ลงมาชิม
แม่ชิมแล้วบอกว่า "อ๊ะ คราวนี้ไม่แข็งแล้วนี่ รสชาติดีทีเดียว
แต่น่าจะเรียกว่า "ชิฟแฟ่บ" มากกว่า"
ฮื่อๆๆๆ น่าเสียจายยยย
แต่เค้าก็ดีใจของเค้าอะน๊าาา เค้กไม่แข็งอย่างเคย
คราวนี้จะได้ลองทำเค้กอื่นๆซ๊ากกะที^^


ฮ่าๆๆ เค้กก้อนแรก ต้องมีสักขีพยานเย้อหน่อยยยย
ไม่อายอยู่แล้น แพ๊คไปให้เพื่อนๆชิมด้วย
(ว่าจะบอกว่า มันคือ Mocha Cake เฉยๆ
บอกว่าชิฟฟ่อน มันจะยิ่งประนามเอาเนอะ)


ขอตัวไปส่งการบ้านคุณครูก่อนนะคะ
ไม่รู้คุณครูจะดุรึเปล่า
การบ้านชิ้นแรกซะด้วย


ข้าวเพิร์ล บาร์เลย์ (ลูกเดือย) ตราแมกกาแรต



ข้าวเพิร์ล บาร์เลย์ (
ลูกเดือย) ตราแมกกาแรต

ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เปิดถุงใหม่ซะที ซื้อมาได้สักพักแล้วค่ะ ประทับใจเม็ดสวยๆ สีเหลืองๆ ของเค้า ^^ แม้ว่าหน้าซองจะเขียนว่า "ลูกเดือย" แต่รสชาติไม่เหมือนลูกเดือยที่คุ้นเคยเท่าไหร่ค่ะ เหมือนข้าวบาร์เลย์มากกว่าเยอะเลย … (คือไม่รู้ว่าตกลงมันคือลูกเดือย หรือข้าวบาร์เลย์กันแน่ เราจัดมันเป็นข้าวบาร์เลย์เป็นการส่วนตัวละกันนะ เพราะไม่น่าจะเอาไปทำขนมได้ แต่ทานคู่กับข้าวกล้องอร่อยเหมือยเดิมค่ะ)

หน้าตามันเป็นหยั่งงี้ ซื้อมาจากซุปเปอร์ของพารากอนค่ะ … หุงด้วยอัตราส่วน 1 : 3 (ข้าว 1 ถ้วย ต่อน้ำ 3 ถ้วย) ต้องขอขอบคุณคุณเพื่อนที่ไปซื้อมาด้วยกัน เพื่อนบอกว่าน้ำ 3 ถ้วย … โอเค 3 ด้วย … ออกมากำลังดีเลยเชียว :")

ของยี่ห้อนี้กากใยเยอะดีค่ะ เคี้ยวกรุ๊บๆ เพลินมาก … ลองทานกันดูนะคะเพื่อระบบย่อยอาหารที่ดีขึ้น …

ใครซื้อของ "ข้าวทอง" มา ลองดูที่นี่นะคะ ตอนนี้เจอแค่ 2 ยี่ห้อนี้ ใครมียี่ห้ออื่นแนะนำได้ค่ะ (รบกวนบอกที่ซื้อด้วยนะ) อยากลองๆ ^^

 

แตงร้านผัดไข่



แตงร้านผัดไข่ เมนูจำเป็นเวลารีบๆ

เพราะว่าเตรียมง่าย และใช้เวลาทำแป๊ปเดียว เมื่อคืนเลยต้องลงเอยที่เมนูนี้ สำหรับมื้อกลางวันวันนี้ค่ะ

ส่วนผสม
– แตงร้าน 1 ลูก
– หอมแขก (ชอบเป็นการส่วนตัวค่ะ ผัดอะไรก็ตามเติมหอมไปหน่อย มันออกมาหวานดี)
– ไข่ 1 ฟอง
– กระเทียม
– เตรื่องปรุงมีเกลือ น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว พริกไทย ผงปรุงรสคนอร์สูตรไม่ใส่ผงชูรส
– น้ำมันสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ
* ผัดในกระทะเทฟล่อนก็ดีนะ ไข่ไม่ติดกระทะ โดยที่เราไม่ต้องใส่น้ำมันมากเกินไป

วิธีทำ


1. ก่อนอื่นเตรียมของก่อนค่ะ … ล้างแล้วก็ซอยแตงร้านเป็นเส้นๆ สับกระเทียม หั่นหอมแขก … ไข่นี่เติมซีอิ้วกับพริกไทยลงไปหน่อยแล้วก็กวนๆนิดนึง


2. ตั้งกระทะ ไฟปานกลาง เจียวกระเทียมให้หอม เจียวให้เกรียมๆนิดหน่อยก็อร่อยดีนะคะ … ใส่หอมแดง เจียวพอหอมสลดค่ะ


3. พอหอมสลดเราก็ใส่แตงร้านลงไปค่ะ ปรับไปไฟอ่อนๆ แล้วก็ปรุงรสค่ะ ปรุงเสร็จ ราดไข่ลงไปแล้วไม่ต้องคนมากค่ะ ปล่อยให้สุกค่อยกลับด้านเอา ไม่งั้นไข่จะเละๆ ไม่เป็นก้อน (จริงๆแล้วก็แล้วแต่คนชอบค่ะ)

วันนี้แตงร้านลูกเบอเริ่ม เลยทานเพียวๆเป็นข้าวกลางวันเลยค่ะ เติมงาดำแล้วโรยพริกไทยไปอีกนิดหน่อย อ้ำ … อ้ำ

ถั่วแขกผัดสามเกลอ

ถั่วแขกผัดสามเกลอ … กินเก้อๆคนเดียวก็ยิ้มได้ :")

ครั้งแรกที่รู้ว่า รากผักชี กระเทียม และพริกไทยที่โขลกรวมกันเรียกว่า "สามเกลอ" เราก็นั่งอมยิ้มไปนานทีเดียว ใครหนอช่างตั้ง ตั้งได้เหมาะสมและอธิบายความเป็นเพื่อนได้ดีจริงๆ 3 ตัวนี้อยู่ด้วยกันทีไร คนรอบข้าง (คนกิน) เป็นได้มีความสุขทุกที (ก็มันช่างหอมอร่อยจะตาย ชิมิ) … อ่านเจอคำว่าสามเกลออีกทีเมื่อวาน แทนที่จะเอาถั่วแขกมาผัดกับกุ้ง เลยหักเลี้ยวหัวแทบขมำ เปลี่ยนเมนูวันนี้เป็น ผัดสามเกลอดีกว่า (ลองดูค่ะ ปรากฏว่าออกมาหอมเข้ากับถั่วกรอบๆมั่กๆ) ใครชอบกลิ่นๆหอมๆของสามเพื่อนซี้นี้ ลองเอาไปผัดทานดูนะคะ

ส่วนผสมมีดังนี้ค่ะ
– ถั่วแขก (เลือกซื้อถั่วอ่อนๆ สดๆ นะคะ ผัดออกมาจะได้กรอบๆ)
– หอมใหญ่เพิ่มความหวานหน่อย
– รากผักชี
– กระเทียม
– พริกไทย
– เครื่องปรุงรส (วันนี้มีน้ำมันหอย เกลือ ผงปรุงรสแบบไม่ใส่ผงชูรสของคนอร์ แล้วก็ซีอิ้วขาวนิดหน่อย)
– น้ำมันสำหรับผัด
*ถ้าเอารากผักชีมาโขลกรวมกับกระเทียมและพริกไทย น่าจะออกมาดีกว่าที่ทำค่ะ พอดีว่าครกหนัก ผัดนิดเดียวเลยขี้เกียจแบกขึ้นมา ใช้ทุบๆ สับๆ เอาแทนค่ะ)


ล้างและหั่นถั่วแขกกับหอมใหญ่ แล้วก็ทุบและสับกระเทียมกับรากผักชีเตรียมไว้ค่ะ … ตั้งกระทะพอให้ร้อน ใส่กระเทียมลงไปเจียวกับรากผักชีให้หอม (หอมจริงๆนะคะ เจ้าหมีหมาที่บ้านถึงกับลุกตามกลิ่นมา ฮ่าๆ)


พอกระเทียมเหลืองเราก็ใส่หอมใหญ่และปรุงรสค่ะ … เติมน้ำเล็กน้อย … แล้วก็ผัดหอมใหญ่ต่อให้สลดค่ะ (วันนี้ผัดสุกไปหน่อย มัวแต่ถ่ายรูป น่าเสียดาย T_T)


หอมใหญ่สลดดีแล้ว ใส่ถั่วแขกลงไปผัดเลยค่ะ ผัดเร็วๆใช้ไฟแรงๆนะ เติมน้ำเล็กน้อย สักช้อน 2 ช้อนค่ะ แต่ถ้าใครชอบทานผัดผักน้ำเยอะๆ ก็ใส่ตามชอบนะคะ (ทำอะไรที่ชอบๆ ยังไงเราก็ต้องชอบใช้มั๊ยคะ จะได้ชอบทานไง^^) เรียบร้อยค่ะ ตักใส่กล่องข้าวน้อย ทานกับข้าวกล้อง ข้าวมันปู ข้าวบาร์เลย์ … วันนี้มีข้าว 3 ข้าวมารวมตัวกัน เป็นอีกหนึ่ง "สามเกลอ" ที่น่าคบ :")